ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน
ก่อนไปเรื่องอื่น เราต้องเข้าใจศัพท์ก่อน
แอมป์ คือ หน่วยวัดกระแสไฟฟ้า (มักใช้ระบุ กับกระแสไฟผ่านสายไฟต่างๆ)
วัตต์ คือ หน่วยวัดกำลังไฟฟ้า (มักใช้ระบุว่า เครื่องใช้ไฟฟ้ากินกำลังไฟฟ้าเท่าไหร่ เช่น แอร์กินไฟ 1000 วัตต์)
โวลต์ คือ หน่วยวัดแรงดันไฟฟ้า
สูตร เปลี่ยน แอมป์ เป็น วัตต์ คือ แอมป์ x โวลต์ = วัตต์
ยกตัวอย่างเช่น หากเราพูดถึงหม้อไฟ สามารถจ่ายไฟได้ 5-10 แอมป์ นั่นหมายความว่า มันสามารถจ่ายไฟได้ (5x230) 1150W และพีคสูงสุดที่ (10x230) 2300W นั่นเอง
ขนาดไฟฟ้าที่บ้านพักอาศัยสามารถขอได้
ไฟบ้าน 5-10 (8) แอมป์ 1150-2300W
ไฟบ้าน 15-45 (36) แอมป์ 3450-10350 (8290)W
ไฟบ้าน 30-100 (80) แอมป์
กฎ 80%
ค่าใน วงเล็บ คือ ค่า 80% ของไฟฟ้าสูงสุด หลายคนสงสัยว่า ทำไมต้องมีกฎ 80%
ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ หากบ้านของคุณรองรับไฟฟ้าสูงสุดที่ 30A (6900W) แต่คุณนำเครื่องขุดมาขุดและกินไฟไป 6000W ดูเหมือนไม่มีปัญหา แต่ความจริงคือ แรงดันไฟฟ้าของคุณลดลงเหลือเพียง 220V ไม่ใช่ 230V ตามปกติอีกต่อไป แม้ว่า เบรกเกอร์ของคุณอาจจะยังไม่ตัด เพราะมันจะตัดก็ต่อเมื่อ 30A หรือ 6900W ก็ตาม
ซึ่งการที่แรงดันไฟเพียง 220V ก็อาจทำให้ เครื่องขุดของคุณเสียหายในระยะยาวได้ ดังนั้น เราจึงแนะนำให้ใช้กฎ80% เพื่อป้องกันความเสียหายในระยะยาว
เราแนะนำให้คุณอย่าโลภเกินพลังงานไฟฟ้าภายในบ้าน ไม่เช่นนั้น คุณจะเสียมากกว่าได้
ขนาดเครื่องวัดฯ (แอมแปร์) | เฟส | ขนาดสูงสุดของ เมนสวิตช์(แอมแปร์) | ขนาดต่ำสุดของสายเมนและ (สายต่อหลักดิน)** ตร.มม. | แรงดันไฟฟ้าของ สายเมน(โวลต์) | |
สายเมนในอากาศ | สายเมนในท่อ | ||||
5 (15) | 1 | 16 | 4 (10) | 4,10**(10) | 300 |
15 (45) | 1 | 50 | 10 (10) | 16 (10) | 300 |
30 (100) | 1 | 100 | 25 (10) | 50 (16) | 300 |
50 (150) | 1 | 125 | 35 (10) | 70 (25) | 300 |
ขนาดสาย (ตร.มม.) | ขนาดกระแส (แอมแปร์) | ||||||
วิธีการเดินสาย (ดูหมายเหตุ) | |||||||
ก | ข | ค | ง | จ | |||
ท่อโลหะ | ท่ออโลหะ | ท่อโลหะ | ท่ออโลหะ | ||||
0.5 | 9 | 8 | 8 | 7 | 10 | 9 | - |
1 | 14 | 11 | 11 | 10 | 15 | 13 | 21 |
1.5 | 17 | 15 | 14 | 13 | 18 | 16 | 26 |
2.5 | 23 | 20 | 18 | 17 | 24 | 21 | 34 |
4 | 31 | 27 | 24 | 23 | 32 | 28 | 45 |
6 | 42 | 35 | 31 | 30 | 42 | 36 | 56 |
10 | 60 | 50 | 43 | 42 | 58 | 50 | 75 |
16 | 81 | 66 | 56 | 54 | 77 | 65 | 97 |
25 | 111 | 89 | 77 | 74 | 103 | 87 | 125 |
ระบบไฟฟ้า 3 เฟส
การลากสายไฟเข้ามา 3 + 1 เส้น จากระบบเดิมที่เป็น 1+1 เส้น ข้อดีคือ แต่ละเส้นไฟฟ้าเมนหลัก จะโหลดลดลง ไม่รับภาระในแต่ละเส้นมากเกินไป แต่ปัญหาคือ เราจำเป็นต้องโหลดบาลานซ์ให้ได้ คือ เราต้องพยายาม ไม่ให้ไฟฟ้าโหลดไปที่เส้นใดเส้นหนึ่งมากเกินไปนั่นเอง ดังนั้น มันจะเกี่ยวข้องกับ การวางแผน การใช้ไฟฟ้าในแต่ละจุด ด้วย (เราแนะนำให้คุณปรึกษา ช่างไฟ ดีกว่าตรงจุดนี้)
การจะขอไฟ 3 เฟส
1. มีไฟฟ้า 3 เฟสผ่านหน้าบ้านมั้ย วิธีสังเกตุคือ มันจะมีสายไฟ 4 เส้น โดยหากเป็นเสาไฟที่มี 2 ชั้นมันจะอยู่ด้านบานสุดของเสาไฟฟ้า
2. ระบบไฟฟ้า 3 เฟส แทบต้องเปลี่ยนระบบไฟในบ้านทั้งหมด แต่สามารถเน้นไปที่เฉพาะ
ตู้ไฟ (หลักหมื่น) โดยตู้ไฟ หากขอเป็น 15A 3P ตู้ต้องใช้ 50A และหากขอเป็น 30A 3P ต้องใช้ตู้ 80-100 A เท่านั้น (ตู้จะ x 3 ของไฟนั่นเอง)
และต้องเดินสายเมนเข้าบ้านเป็น 4 สาย อีกด้วย
ยกตัวอย่าง กรณี ปัจจุบันเป็น 15-45 A หรือ 30-100 A หากเปลี่ยนเป็น 15A 3P ก็เพิ่มสายไฟเบอร์ 16 m อีก 2 เส้น แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น 30A ก็ต้องเพิ่มสายเมนเบอร์ 35m อีกสองเส้น และลงแท่งกราวด์ตามที่กำหนด
3 ค่าขอมิเตอร์ ประมาณ 25,000-40,000 บาท
ค่าไฟฟ้า
สำหรับ ระบบไฟฟ้าใช้ใน ที่อยู่อาศัยจะไม่มี Power Factor(???) แต่มันมีข้อเสียคือ มันคิดค่าไฟแบบขั้นบันไดเดียว
เปรียบเทียบ 1 เฟส 3 หม้อ (มีบันไดให้ขึ้น 3 ทาง) กับ 3 เฟส 1 หม้อ (มีบันไดเดียว)
แต่ถ้าเป็นโรงงานของ จะมีการคิดค่าไฟแบบ Power Factor ที่ต้องบาลานซ์ไฟให้ดี ถึงจะประหยัดไฟได้
คำแนะนำคือ ยกตัวอย่าง หากคุณซื้อคอนโด 4 ห้องมาทุบรวมกัน ได้หม้อไฟมา 4 หม้อ ทุกอันคำนวนโหลดดีๆ จะได้ใช้บันไดขั้นแรกๆ ก่อนไปบันไดขั้นถัดไป ทำให้ค่าไฟถูกกว่า เพียงแค่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้า 4 บิลทุกเดือนเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น