วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2565

Electornic 101 : บทที่ 1 ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน

ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน

ก่อนไปเรื่องอื่น เราต้องเข้าใจศัพท์ก่อน
แอมป์ คือ หน่วยวัดกระแสไฟฟ้า (มักใช้ระบุ กับกระแสไฟผ่านสายไฟต่างๆ)
วัตต์   คือ หน่วยวัดกำลังไฟฟ้า (มักใช้ระบุว่า เครื่องใช้ไฟฟ้ากินกำลังไฟฟ้าเท่าไหร่ เช่น แอร์กินไฟ 1000 วัตต์)
โวลต์ คือ หน่วยวัดแรงดันไฟฟ้า 
สูตร เปลี่ยน แอมป์ เป็น วัตต์ คือ แอมป์ x โวลต์ = วัตต์

ยกตัวอย่างเช่น หากเราพูดถึงหม้อไฟ สามารถจ่ายไฟได้ 5-10 แอมป์ นั่นหมายความว่า มันสามารถจ่ายไฟได้ (5x230)  1150W และพีคสูงสุดที่ (10x230) 2300W นั่นเอง

ขนาดไฟฟ้าที่บ้านพักอาศัยสามารถขอได้
ไฟบ้าน 5-10 (8) แอมป์  1150-2300W
ไฟบ้าน 15-45 (36) แอมป์  3450-10350 (8290)W
ไฟบ้าน 30-100 (80) แอมป์

กฎ 80%
ค่าใน วงเล็บ คือ ค่า 80% ของไฟฟ้าสูงสุด หลายคนสงสัยว่า ทำไมต้องมีกฎ 80%

ยกตัวอย่างง่ายๆ คือ หากบ้านของคุณรองรับไฟฟ้าสูงสุดที่ 30A (6900W) แต่คุณนำเครื่องขุดมาขุดและกินไฟไป 6000W  ดูเหมือนไม่มีปัญหา แต่ความจริงคือ แรงดันไฟฟ้าของคุณลดลงเหลือเพียง 220V ไม่ใช่ 230V ตามปกติอีกต่อไป แม้ว่า เบรกเกอร์ของคุณอาจจะยังไม่ตัด เพราะมันจะตัดก็ต่อเมื่อ 30A หรือ 6900W ก็ตาม

ซึ่งการที่แรงดันไฟเพียง 220V ก็อาจทำให้ เครื่องขุดของคุณเสียหายในระยะยาวได้  ดังนั้น เราจึงแนะนำให้ใช้กฎ80% เพื่อป้องกันความเสียหายในระยะยาว

เราแนะนำให้คุณอย่าโลภเกินพลังงานไฟฟ้าภายในบ้าน ไม่เช่นนั้น คุณจะเสียมากกว่าได้


ขนาดเครื่องวัดฯ
(แอมแปร์)
 
เฟส
 
ขนาดสูงสุดของ
เมนสวิตช์(แอมแปร์)
ขนาดต่ำสุดของสายเมนและ 
(สายต่อหลักดิน)** ตร.มม.
 
แรงดันไฟฟ้าของ
สายเมน(โวลต์)
สายเมนในอากาศ
สายเมนในท่อ
5 (15)
1
16
4 (10)
4,10**(10)
300
15 (45)
1
50
10 (10)
16 (10)
300
30 (100)
1
100
25 (10)
50 (16)
300
50 (150)
1
125
35 (10)
70 (25)
300
ขนาดสาย
(ตร.มม.)
ขนาดกระแส (แอมแปร์)
วิธีการเดินสาย (ดูหมายเหตุ)
ท่อโลหะ
ท่ออโลหะ
ท่อโลหะ
ท่ออโลหะ
0.5
9
8
8
7
10
9
-
1
14
11
11
10
15
13
21
1.5
17
15
14
13
18
16
26
2.5
23
20
18
17
24
21
34
4
31
27
24
23
32
28
45
6
42
35
31
30
42
36
56
10
60
50
43
42
58
50
75
16
81
66
56
54
77
65
97
25
111
89
77
74
103
87
125

ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 
การลากสายไฟเข้ามา 3 + 1 เส้น จากระบบเดิมที่เป็น 1+1 เส้น ข้อดีคือ แต่ละเส้นไฟฟ้าเมนหลัก จะโหลดลดลง ไม่รับภาระในแต่ละเส้นมากเกินไป แต่ปัญหาคือ เราจำเป็นต้องโหลดบาลานซ์ให้ได้  คือ เราต้องพยายาม ไม่ให้ไฟฟ้าโหลดไปที่เส้นใดเส้นหนึ่งมากเกินไปนั่นเอง ดังนั้น มันจะเกี่ยวข้องกับ การวางแผน การใช้ไฟฟ้าในแต่ละจุด ด้วย (เราแนะนำให้คุณปรึกษา ช่างไฟ ดีกว่าตรงจุดนี้) 

การจะขอไฟ 3 เฟส 
1. มีไฟฟ้า 3 เฟสผ่านหน้าบ้านมั้ย  วิธีสังเกตุคือ มันจะมีสายไฟ 4 เส้น โดยหากเป็นเสาไฟที่มี 2 ชั้นมันจะอยู่ด้านบานสุดของเสาไฟฟ้า

2. ระบบไฟฟ้า 3 เฟส  แทบต้องเปลี่ยนระบบไฟในบ้านทั้งหมด แต่สามารถเน้นไปที่เฉพาะ

ตู้ไฟ (หลักหมื่น) โดยตู้ไฟ หากขอเป็น 15A 3P ตู้ต้องใช้ 50A และหากขอเป็น 30A 3P ต้องใช้ตู้ 80-100 A เท่านั้น (ตู้จะ x 3 ของไฟนั่นเอง)

และต้องเดินสายเมนเข้าบ้านเป็น 4 สาย อีกด้วย 
ยกตัวอย่าง กรณี ปัจจุบันเป็น 15-45 A หรือ 30-100 A  หากเปลี่ยนเป็น 15A 3P  ก็เพิ่มสายไฟเบอร์ 16 m อีก 2 เส้น แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น 30A ก็ต้องเพิ่มสายเมนเบอร์ 35m อีกสองเส้น  และลงแท่งกราวด์ตามที่กำหนด 

3 ค่าขอมิเตอร์ ประมาณ 25,000-40,000 บาท

ค่าไฟฟ้า
สำหรับ ระบบไฟฟ้าใช้ใน ที่อยู่อาศัยจะไม่มี Power Factor(???)  แต่มันมีข้อเสียคือ มันคิดค่าไฟแบบขั้นบันไดเดียว

เปรียบเทียบ 1 เฟส 3 หม้อ (มีบันไดให้ขึ้น 3 ทาง) กับ 3 เฟส 1 หม้อ (มีบันไดเดียว) 

แต่ถ้าเป็นโรงงานของ จะมีการคิดค่าไฟแบบ Power Factor ที่ต้องบาลานซ์ไฟให้ดี ถึงจะประหยัดไฟได้ 

คำแนะนำคือ  ยกตัวอย่าง หากคุณซื้อคอนโด 4 ห้องมาทุบรวมกัน  ได้หม้อไฟมา 4 หม้อ ทุกอันคำนวนโหลดดีๆ จะได้ใช้บันไดขั้นแรกๆ ก่อนไปบันไดขั้นถัดไป  ทำให้ค่าไฟถูกกว่า เพียงแค่ต้องจ่ายค่าไฟฟ้า 4 บิลทุกเดือนเท่านั้น






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น